อิบราฮิมา โคนาเต้ ยักษ์น้อย ผู้อดทน รอวันเฉิดฉาย

        เจ้าของค่าตัว 35 ล้านปอนด์จาก อาร์เบ ไลป์ซิก ใช้เวลาไปเป็นเดือนในการนั่งดูเพื่อนเล่นอยู่ข้างสนาม ซึ่งเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องคอยเป็นแบ็คอัพให้กับคู่เซนเตอร์ตัวหลัก เพราะ คล็อปป์เลือก โจเอล มาติปและ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ ยืนคู่กันเป็นหลักแน่นอน
       คล็อปป์เชื่อมั่นว่า โคนาเต้จะได้ประโยชน์จากการได้เห็นสองหอคอยหลักของทีม หลังจากที่ทั้งสองหายจากอาการบาดเจ็บ คล็อปป์รู้สึกว่า โคนาเต้ ยังต้องการเวลาฝึกอยู่เพื่อปรับตัวให้ได้ตามแท็คติกที่เขาได้วางไว้
      คล็อปป์ได้แสดงความเชื่อมั่นออกมาในตัวเจ้าหนูฝรั่งเศสคนนี้ โดยส่งลงในเกมวันเสาร์ที่รับศึกหนักกับคริสตัล พาเลซ ให้เริ่มโชว์ของได้
      โคนาเต้แสดงให้เห็นว่าทำไมเขาจึงเป็นที่ต้องการตัวของคล็อปป์คนแรกและคนเดียวในตลาดหน้าร้อนนี้ และคล็อปป์ก็ไม่ผิดหวัง
      สถิติของโคนาเต้ จ่ายบอลสำเร็จ 48 จาก 55 ครั้ง คิดเป็น 87 เปอร์เซ็นต์ ทำ 3 แท็กเกิล 3 เคลียร์บอล บล็อกลูกยิงได้ 2 ครั้ง และ ตัดบอลได้ 1 ครั้ง
โคนาเต้ทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เกมก็ดำเนินไป
      เราจะได้เห็นความสามารถที่ซ่อนอยู่ของเด็กคนนี้อีก ทั้งด้านร่างกาย เทคนิค ความเข้าใจเกม เขามีทุกอย่าง และเขาอยู่ในเส้นทางที่ดีแล้ว ยังมีอะไรดีๆ อีกมากในตัวเขา
      โคนาเต้แข็งแกร่งในยามรับมือกับ วิลฟรีด ซาฮา ขณะที่ก็เร็วมากพอสำหรับการตามประกบ คริสเตียน เบนเทเก้ เขาไล่ตามอดีตกองหน้าลิเวอร์พูลได้อย่างไม่ลดละ ไม่ปล่อยให้ห่างตัว
      และเมื่อกองหน้าตัวเก่งของคริสตัล พาเลซ ออดซอน เอดูอาร์ ลงมาสร้างปัญหาและฉีกหนีเขาไปยิงประตู ก่อนที่ อลิสซอนจะเคลียร์ลูกบอลทิ้งได้ แต่จากภาพช้าแสดงให้เห็นว่าลูกบอลไปโดนปลายสตั๊ดของโคนาเต้ก่อนที่จะเปลียนทิศทางออกไป
      ความเร็วของเขาเหมาะกับที่คล็อปป์ประเมินไว้ให้เล่นในแบบการดันขึ้นสูง ที่สำคัญการดวลลูกกลางเวหาของเขาก็ได้ผลทั้งสองฝั่งกรอบเขตโทษ ทั้งในยามบุกและยามตั้งรับ
การเปิดตัวของโคนาเต้ น่าประทับใจยิ่งขึ้นหากพิจารณาข้อที่ว่า
      ลิเวอร์พูลได้ทำการเปลียนแผงหลังได้หมดทั้งแผงและไม่ส่งผลกระทบใดๆ
คล็อปป์พยายามมาตลอดในการจะพักโจเอล มาติป กับแอนดี้ โรเบิร์ตสัน หลังจากเกมกลางสัปดาห์ ในการเจอกับเอซี มิลาน
      ขณะที่กรณีของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์อาโนลด์ เขาไม่ได้ตั้งใจจะถอดเทรนต์ออก แต่เพราะนักเตะป่วยเสียก่อนในตอนเช้าวันเสาร์
      เขาน่าจะกลัว ซาฮาละมั้ง…เจมส์ มิลเนอร์แซว ซึ่งตามสถิติ มิลเนอร์สัมผัสบอลมากที่สุดในสนาม คือ 113 ครั้ง ส่งบอล 69 เปิดลูกครอส 13 ครั้ง แท้กเกิลได้ 4
มิลลี่ เล่นได้ยอดเยี่ยม เหมือนคนหนุ่มเลย…คล็อปป์เอ่ยปากชม
      ในขณะที่ฝั่งซ้าย คอสตาส ซิมิกาส เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาแสดงความสามารถน่าประทับใจในแอนฟิลด์ ทั้งเกมรุก เกมรับ เปิดบอลเข้าเป้ากองหน้า และ 3 ประตูที่ได้มาจากเตะมุม ดาวเตะทีมชาติกรีซมีส่วนถึง 2 ลูก
      หลังจากผ่านฤดูกาลแรกอันยากเย็นมาได้ ซิมิกาส ทำให้ผู้จัดการทีมเชื่อมั่นได้ เป็นโอกาสที่คล็อปป์จะได้พัก โรเบิร์ตสันให้หายใจหายคอได้บ้าง หลังจากต้องรับหน้าที่หนักมาตลอดหลายซีซั่น
      หลังจากคว้าชัยชนะเหนือลีดส์และมิลานมาได้ นี่ก็เป็นครั้งที่ 3 ที่ลูกทีมของคล็อปป์ยิงประตูคู่แข่ง 3 ลูกขึ้นไป
มาเน่ได้ฉลองประตูที่ 100 ของตัวเอง สร้างสถิติยิงประตูคู่แข่งทีมเดียวติดกัน 9 แมทช์
ส่วนโม ซาล่าห์ ก็ยิงพาเลซได้อีก ขณะที่ นาบี้ เกอิต้าก็ยิ่งลูกวอลเลย์สุดสะพรึงปิดกล่องไปในเกมล่าสุด ซึ่งเป็นประตูแรกในรอบ 14 เดือน
      ลิเวอร์พูลนั้นยังห่างกับฟอร์มที่ร้อนแรงที่สุดอยู่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่บางครั้งมันก็ไม่ปะติดปะต่อและมีความกระท่อนกระแท่นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงถึง 6 ตำแหน่ง
การมอบหมายงานแชมเปี้ยนส์ลีกช่วงกลางสัปดาห์ที่สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมากให้กับ ดิโอโก้ โชต้า ซึ่งมีความผิดพลาดในครึ่งแรกที่ชวนหงุดหงิดใจให้เห็น
      แต่ก็ต้องให้เครดิตกับคริสตัลพาเลซด้วยเพราะพวกเขาก็ปฏิเสธประตูเหล่านั้นอย่างสุดกำลัง
      ภารกิจของเจอร์เก้น คล็อปป์ในการคว้าตำแหน่งจ่าฝูงกลับคืนมา ถูกสร้างขึ้นบนรากฐานที่มั่นคง 5 เกม 4 คลีนชีต และเสียหนึ่งประตู
      ไค ฮาเวิร์ตซ์โหม่งลูกเตะมุมให้เชลซีอย่างชาญฉลาด ซึ่งทำให้คู่ต่อสู้คนนี้จากเชลซีก็มีค่าเฉลี่ยการทำประตูที่ยิงเข้ากรอบ 3 ครั้งต่อเกม
      การที่ทีมของคล็อปป์มีกองหลังได้รับบาดเจ็บมากมายในฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ทีมอ่อนลงจากจุดสูงสุดไปพอสมควร ขณะที่เวลานี้ทางเลือกของเขาเริ่มกลับมามีมากขึ้น
      โครงสร้างของทีมกลับมาดีขึ้น เมื่อฟาน ไดจ์กลับมา ทุกๆ ส่วนในทีมจึงดีขึ้น เหมือนพี่ยักษ์ยืนด้านหลังให้ ทุกคนดูรู้สึกปลอดภัยและเล่นกันอย่างมีคุณภาพอีกครั้ง
กว่าคู่ต่อสู้จะหาช่องทะลุกำแพงมาได้ด่านหนึ่ง ก็ต้องเจออีกด่าน และสุดท้ายก็ต้องเจอกับอลิสซอน
นั่นทำให้ไม่ง่ายเลยที่จะเจาะแผงหลังได้ง่ายอีก
      กองหน้าได้พิสูจน์ผลงานไปพอควรแล้วว่ายังเฉียบคม เกมเมื่อวันเสาร์จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ความยืดหยุ่นและจิตใจของทีมเพื่อให้งานสำเร็จโดยเฉพาะแผงหลัง
      คล็อปป์ตั้งใจจะหมุนเวียนนักเตะมากขึ้น เขาจะไม่เสี่ยงใช้แค่ ฟาน ไดจ์ มาติป หรือ โจ โกเมซ หนักมากนักหลังจากทั้งสามเพิ่งผ่านอาการบาดเจ็บอันยาวนานมาได้ เพราะไม่มีเหตุผลต้องเสี่ยงให้ทำเช่นนั้น
      เมื่อฟานไดจ์ เพิ่งลงเล่นเกมกลางสัปดาห์มา ขณะที่ โกเมซ เพิ่งลงเล่นเกมแรกในรอบ 10 เดือน การออกสตาร์ท 5 นัดอันสวยหรูของทีมตอนนี้ จึงเป็นครั้งแรกในรอบสองปี ขณะที่มาติปเองก็ได้พักหายใจบ้าง
      ทางเลือกที่ดูดีที่สุดก็คือเกมวันอังคารนี้ โกเมซ และแนท ฟิลลิป น่าจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงด้วยกันในคาราบาวคัพ
      และน่าจะเป็นการเปลี่ยนทีมยกชุด โดยมี ไคด์ กอร์ดอน ดาวรุ่งที่อาจขึ้นมาเปิดตัวกับทีม
ควีวิน เคลเลเฮอร์ อเล็กซ์ ออกเหลด เชมเบอร์เลน เคอร์ติส โจนส์ ทาคุมิ มินามิโนะ และ ดิว็อก โอริกี้ น่าจะได้โอกาสลงสนามทั้งหมด
      นักเตะตัวหลักควรได้พัก ก่อนที่จะต้องออกไปเยือนเบรนท์ฟอร์ด ตามด้วยเกมเยือน UCL กับ ปอร์โต้
      ขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่จะกลับมาลงซ้อมได้เต็มรูปแบบสัปดาห์นี้ หลังมีปัญหาแฮมสตริง ส่วนเทียโก้ อันคันทาร่า จะต้องไปสแกนน่องเพื่อดูว่าเจ็บมากแค่ไหน
      การเก็บแต้มได้ 13 จาก 15 แต้ม ยิ่งทำให้ทั้ง ซาล่าห์ และมาเน่ ยิ่งกระหายมากขึ้นในการไล่ล่าประตู ในขณะที่แผงกองหลังอันแข็งแกร่งเสริมความมั่นใจให้ทีมและท้าทายเหล่ากองหน้าคู่แข่งมาก
      โคนาเต้ อาจจะต้องรอบ้าง ในตอนที่ มาติปกำลังทำผลงานได้ดี แต่เด็กใหม่คนนี้มีคุณภาพที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาจะเข้ามาช่วยทีมของคล็อปป์และเติมเต็มที่ว่างจากฤดูกาลที่แล้วได้อย่างดี

สนุกไปกับเว็บ TODE.COM มีครบจบในที่เดียว กีฬา บอล หวย คาสิโน เกม

TODE เลขแนะนำ